พ่อครับผมมีเรื่องกลุ้มใจ






                                                 ---------------------------------------------------

ชื่อผู้แต่ง: lee, min-sik
ชื่อเรื่อง:พ่อครับผมมีเรื่องกลุ้มใจ
สถานที่พิมพ์:กรุงเทพฯ 
สำนักพิมพ์:นานมีบุ็คพับลิเคชั่น
                               ------------------------------------------------------------------------------

"พ่อครับ ผมมีเรื่องกลุ้มใจ" เล่มนี้ได้รวบรวม 30 ปัญหาหนักอกหนักใจของเด็กระดับประถมศึกษา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในโรงเรียน ปัญหากับเพื่อน ปัญหาในครอบครัว ปัญหาการเรียน ปัญหาด้านอารมณ์ พร้อมวิธีเเก้ปัญหาโดยพ่อนักจิตวิทยาที่เข้าใจหัวอกลูกน้อย ทั้งนี้วิธีการเเก้ไขปัญหาของพ่อได้สอดเเทรกความรู้สึกนึกคิดจากใจจริง ที่พ่อธรรมดาคนหนึ่งต้องการบอกกับลูกอีกด้วย เหมาะสำหรับพ่อแม่ทุกคนเพื่อเข้าใจลูกมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่พ่อควรทำ
หาโอกาสคุยกันแบบสบายๆ. ฉวยจังหวะตอนที่ทั้งคุณและลูกรู้สึกผ่อนคลาย. ตัวอย่างเช่น พ่อแม่บางคนรู้สึกว่าลูกวัยรุ่นจะเปิดใจพูดคุยมากกว่าระหว่างที่ช่วยกันทำงานบ้าน หรือนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกัน เพราะในเวลาเช่นนั้นเขาจะรู้สึกเป็นกันเองกับพ่อแม่มากกว่าตอนที่นั่งพูดคุยแบบเป็นทางการ
อย่าพูดยืดยาว. คุณไม่จำเป็นต้องแจกแจงทุกรายละเอียดจนทำให้การพูดคุยกันกลายเป็นการทะเลาะกัน. จงพูดเฉพาะเรื่องที่เป็นปัญหา . . . แล้วก็หยุด. ลูกจะ “ได้ยิน” เรื่องที่คุณพูดจริงๆก็ตอนที่เขาอยู่คนเดียวและมีเวลาคิดถึงเรื่องที่คุณพูดกับเขา. จงให้เขามีโอกาสได้ใช้ความคิดบ้าง
รับฟังและรู้จักผ่อนปรน. เพื่อจะเข้าใจปัญหาทั้งหมด คุณควรตั้งใจฟังให้ดีก่อนโดยไม่พูดแทรก. เมื่อตอบ คุณก็ควรตอบแบบมีเหตุผล. ถ้าคุณเข้มงวดกับกฎที่คุณตั้งไว้มากเกินไป ลูกวัยรุ่นก็อาจหาช่องที่จะแหกกฎ ถ้าทำเช่นนั้น เด็กอาจกลายเป็นคนตีสองหน้า. เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ เด็กจะพูดสิ่งที่พ่อแม่อยากได้ยิน แต่พอลับหลังพวกเขาก็จะทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ.
ใจเย็นๆ. ด็กสาวชื่อแครีบอกว่า “เวลาที่เราคิดไม่ตรงกัน ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร แม่ก็อารมณ์เสียได้ทุกเรื่อง. มันทำให้ฉันโมโหมาก. คุยกันอยู่ดีๆก็กลายเป็นทะเลาะกันเสียนี่.” แทนที่จะแสดงอารมณ์มากเกินไป จงพูดสิ่งที่เป็นเหมือน “กระจก” สะท้อนความรู้สึกของลูก. ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “ลูกจะกลุ้มใจทำไมกับเรื่องแค่นี้!” คุณน่าจะพูดว่า “แม่รู้นะว่าเรื่องนี้ทำให้ลูกกลุ้มใจมาก.
แนะนำแทนที่จะออกคำสั่ง. ความสามารถในการคิดหาเหตุผลของลูกวัยรุ่นเป็นเหมือนกล้ามเนื้อที่ต้องค่อยๆสร้างขึ้น. ดังนั้น เมื่อลูกเจอปัญหา อย่าแก้ปัญหาให้เขา. จงให้เขามีโอกาส “ฝึก” ใช้ความคิดและพูดออกมาว่าเขาจะแก้ปัญหาอย่างไร. หลังจากปรึกษาหารือกันแล้วว่ามีทางแก้อะไรบ้าง คุณอาจพูดกับลูกว่า “ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่น่าจะใช้ได้. ลูกลองไปคิดดูสักสองสามวัน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ว่าลูกชอบวิธีไหนและทำไมถึงเลือกวิธีนั้น.”
     ๙คำที่พ่อสอน
 1.ความเพียร การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน ดังข้อความที่ว่า การสอบตกเป็นเรื่องธรรมดาดังนั้นอย่าเพิ่งท้อลูกต้องตั้งใจอ่านหนังสือ
 2.ความพอดี ะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง  ดังข้อความที่ว่า ระหว่างอ่านหนังสือควรพักเดินเล่นบ้างเพื่อไม่ให้สมองล้าเกินไป
 3.ความรู้ตน ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัวการรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆได้โดยถูกต้องรวดเร็ว ดังข้อความที่ว่า ลูกควรหาตนเองให้พบ
 4.คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมาก็จะต้องพยายามให้ ดังข้อความที่ว่าเพื่อนที่ดีต้องแบ่งปันความสุขและแบ่งเบาความทุกข์
 5.อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ดังข้อความว่าอย่าปล่อยให้ความขี้เกียจเข้าครอบงำจนทำอะไรไม่สำเร็จ เช่นถ้าจะทำการบ้านควรตั้งใจทำให้เสร็จ
 6.พูดจริงทำจริง ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ เช่นลูกต้องตั้งใจเรียนตามที่พูดกับพ่อไว้
 7.หนังสือเป็นออมสิน หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมาหนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังข้อความที่ว่าลูกต้องหนังสือหลายครั้งเพระต้องสอบแก้ตัว
 8.ความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง ดังข้อความว่า ลูกต้องซื่อสัตย์ต่อเพื่อนและคนรอบข้าง
 9.การเอาชนะใจตน เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดีเป็นความถูกต้องและเป็นธรรมถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ดังข้อความที่ว่า การเรียนเป็นหน้าที่หลักของลูกแม้มีอุปสรรคเกิดขึ้นมากมาย ลูกต้องไม่ท้อถอย


1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วเข้าใจ เข้าใจการใช้ชีวิตค่อยเป็นค่อยไปที่ดี

    ตอบลบ